อบรมการเล่านิทาน
การเล่านิทาน มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความสนุกสนานเพลิดเพลินให้แก่ผู้ฟัง
ฝึกผู้ฟังให้มีจินตนาการไปตามเรื่องที่ฟัง
การสอดแทรกข้อคิด คติธรรม หรือเรื่องราวใด ๆ แฝงเข้าไปในเรื่อง
จะทำให้ผู้ฟังซึมซับไปโดยไม่รู้ตัว
การเล่านิทานจึงเป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ ชื่นชอบมาก จึงเป็นการกระตุ้นเร้าให้เด็กรักการอ่าน
และเป็นการปลูกฝังความรัก
ความซาบซึ้งในวรรณกรรมและวรรณคดีต่าง ๆ
ในปัจจุบันครูและบรรณารักษ์จึงใช้การเล่านิทานเป็นกิจกรรมประกอบการสอนและกิจกรรมส่งเสริมการอ่าน
แต่การเล่านิทานที่จะสร้างความเพลิดเพลินหรือความประทับใจในเรื่องให้ผู้ฟังติดตามเรื่องไปจนจบอย่างไม่รู้เบื่อนั้น
ผู้เล่าจะต้องมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบการเล่านิทานและเทคนิคในการเล่าอย่างเหมาะสม
เทคนิคการเล่านิทาน
การเล่านิทานไม่ว่า
จะเล่าในรูปแบบใด
ผู้เล่าจำเป็นจะต้องใช้ศิลป์หรือเทคนิคในการเล่าเพื่อดึงดูดความสนใจ
หรือสร้างความสนุกสนานกับผู้ฟัง ดังนี้
1. เลือกนิทาน/เลือกเรื่อง
การเลือกนิทานควรเลือกให้เหมาะสมกับกลุ่มผู้ฟัง ทั้งด้านจำนวน วัย และเพศ
ทั้งนี้เพราะผู้ฟังแต่ละวัย (แต่ละกลุ่ม) จะมีความสนใจในเรื่องที่ฟังต่าง ๆ กัน ระยะเวลา (ช่วงความสนใจสั้น-ยาว) ต่างกัน การรับรู้เรื่องราวที่มีความซับซ้อน
หรือมีการใช้คำศัพท์ที่ยากง่ายต่างกัน
นอกจากนี้ความรู้หรือข้อคิดที่ได้จะแตกต่างกันไปตามเนื้อเรื่องของนิทานที่จะนำมาเล่าด้วย ด้วยเหตุนี้การเลือกเรื่อง/เลือกนิทานที่จะนำมาเล่าจึงเป็นสิ่งสำคัญลำดับแรก
การเลือกเรื่องที่สนุก ตื่นเต้น เร้าใจหรือเรื่องขำขัน
จะสร้างความพอใจให้กับผู้ฟัง และผู้เล่าด้วย เรื่องที่ควรหลีกเลี่ยงคือเรื่องที่หวาดเสียว หยาบโลน เข้าใจยาก อืดอาดและไม่สร้างสรรค์ นอกจากนี้การเลือกเรื่องจะต้องพิจารณาให้เหมาะสมกับวิธีการเล่า
ตลอดจนความพร้อม ความสามารถ หรือความถนัดของผู้เล่าด้วย
2 . ฝึกฝน
ความแม่นยำในเรื่องที่จะเล่า
แม้ว่าการเล่านิทานจะไม่จำเป็นต้องท่องจำถ้อยคำต่าง ๆ ทุกถ้อยคำในนิทานจนขึ้นใจ
แต่จำเป็นจะต้องจำเกี่ยวกับการลำดับเรื่อง อารมณ์ของเรื่อง
และใจความสำคัญของเรื่อง เพื่อให้สามารถเล่าเรื่องได้อย่างต่อเนื่อง
ในกรณีที่ผู้เล่าไม่มีเวลาท่องจำเรื่องราวสำคัญ
อาจใช้บัตรบันทึกคำสำคัญเพื่อเตือนความจำก็ได้
3. การใช้เสียงและท่าทางประกอบการเล่านิทาน
การเล่านิทานควรใช้เสียงที่เป็นธรรมชาติ มีชีวิต ชีวา (ไม่แผ่วเบา แหลมแปร๋น สั่นเครือ
รัวเร็วจนฟังไม่ทัน หรือช้าเนิบนาบจนน่าเบื่อ) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจในการเล่า
การเปลี่ยนเสียงตามตัวละครแต่ละตัวไม่ใช่สิ่งจำเป็น แต่ถ้าผู้เล่าคนใดสามารถทำได้โดยไม่ขัดเขินก็จะนำนิทานเรื่องนั้นสนุกสนานมากยิ่งขึ้น การใช้สีหน้า แววตา
ประกอบอารมณ์ตามเหตุการณ์ ควรเป็นไปตามธรรมชาติ ในบางครั้งอาจใช้มือ การเน้นเสียง
หรือทำตาลุกวาว ประกอบเรื่องที่ตื่นเต้นได้บ้างแต่ไม่ควรให้มากเกินไป
4. การฝึกซ้อม
เพื่อความแม่นยำในเรื่องที่เล่า การใช้น้ำเสียง ภาษา
ท่าทางหรือการใช้อุปกรณ์ประกอบอย่างไม่ขัดเขิน
ผู้เล่าควรมีการฝึกซ้อมการเล่าให้คล่องแคล่ว
อ้างอิง :: home.kku.ac.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น